
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในฐานะพ่อแม่ทุกคน ย่อมมีความเป็นห่วงเป็นใยในสุขภาพร่างกายของลูก และต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากลูกเป็นดังแก้วตาดวงใจและ เป็นเหมือนทรัพย์สมบัติที่มีค่ายิ่งในชีวิต
ดังนั้นจึงต้องคอยเฝ้าระวังและสังเกตอาการของลูกอยู่เสมอ โดยเฉพาะโรคหอบหืดในเด็ก อีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่พ่อแม่ต้องระมัดระวังและเฝ้าระวังอยู่เสมอ เพราะถ้าปล่อยปละละเลย อาจทำให้ลูกเจ็บป่วยหนักและส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาว
โรคหอบหืดในเด็กคืออะไร
โรคหอบหืดในเด็ก (Asthma) เป็นโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในเด็ก โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบของหลอดลมและท่อนำลมหายใจ ซึ่งทำให้เกิดอาการไอ หายใจหอบ หายใจมีเสียงวีด และรู้สึกหายใจลำบาก สาเหตุหลักของโรคนี้คือ
- กรรมพันธุ์ที่สืบทอดกันมาจากพ่อแม่ พี่น้อง ซึ่งเคยมีประวัติโรคประจำตัวภูมิแพ้ หรือหอบหืด
- การได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนแมว ขนสุนัข และเกสรดอกหญ้า
- ปัจจัยอื่น ๆ
- การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น การติดเชื้อไวรัสบางชนิด
- การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
- สิ่งระคายเคืองและมลภาวะ
- การออกกำลังกาย และใช้ร่างกายอย่างนั้น
- ความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และจิตใจ
อาการของโรคหอบหืดในเด็กเป็นอย่างไร
อาการของโรคหอบหืดในเด็กที่พบบ่อยประกอบไปด้วย ไอแห้งเรื้อรัง หายใจลำบากและมีเสียงหอบหรือวีด อกคั่ง ทรวงอกคอแข็ง ริมฝีปากอ้า หน้าซีด เหงื่อออกมาก ใจสั่น ร่างกายอ่อนแรง รู้สึกหงุดหงิดง่าย เบื่ออาหาร หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากเป็นอาการอันตรายที่อาจทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ออกได้
แนวทางในการรักษาโรคหอบหืดในเด็กมีอะไรบ้าง
ในการรักษาโรคหอบหืดในเด็กนั้น แพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์ฉีดหรือพ่นเข้าปอด เพื่อลดการอักเสบของหลอดลม และยาขยายหลอดลมสำหรับใช้ฉุกเฉิน รวมถึงให้คำแนะนำในการปรับสภาพแวดล้อมบ้านให้ปลอดจากสิ่งก่อภูมิแพ้ เช่น ไม่เลี้ยงสัตว์ในบ้าน งดสูบบุหรี่ ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด เย็นจัด และผงฝุ่นต่างๆ รวมทั้งฝึกหายใจผ่านจมูกด้วย
เมื่อรู้แล้วว่าฌรคหอบหืดคืออะไร แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะด้วยการดูแลอย่างถูกวิธีและติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ โรคหอบหืดในเด็กสามารถควบคุมได้ ลูก ๆ ก็จะกลับมามีสุขภาพแข็งแรง หายใจได้สะดวก และดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข การตระหนักรู้ถึงสาเหตุ อาการและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนควรศึกษาเรียนรู้ เพื่อให้คนรักในครอบครัวได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด