ไขข้อสงสัย วัคซีนไข้เลือดออกฉีดกี่เข็ม มีข้อแนะนำอะไรบ้าง

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งพบได้บ่อยในประเทศเขตร้อนและกึ่งร้อนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย การป้องกันโรคนี้ที่มีประสิทธิภาพนอกเหนือจากการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงแล้ว การฉีดวัคซีนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าวัคซีนไข้เลือดออกฉีดกี่เข็ม และมีข้อแนะนำอะไรบ้าง บทความนี้จะไขข้อสงสัยเหล่านี้ให้ทราบ

วัคซีนไข้เลือดออกฉีดกี่เข็ม ?

วัคซีนไข้เลือดออกที่ได้รับการรับรองในปัจจุบันคือวัคซีนชนิด Dengvaxia ซึ่งหากถามว่าวัคซีนไข้เลือดออกฉีดกี่เข็ม คำตอบคือต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็มประมาณ 6 เดือน การฉีดให้ครบทั้ง 3 เข็มตามกำหนดเวลาจะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้เลือดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อแนะนำสำหรับการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

  • องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ที่มีอายุระหว่าง 9-45 ปี อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศอาจมีข้อกำหนดอายุที่แตกต่างกันไป
  • วัคซีนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงในผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
  • ควรตรวจเลือดก่อนฉีดวัคซีนเพื่อยืนยันว่าเคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนหรือไม่
  • ไม่แนะนำให้ฉีดในสตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
  • อาจมีอาการปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด ไข้ ปวดศีรษะ ซึ่งมักหายไปเองภายใน 1-2 วัน
  • วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อไข้เลือดออกได้ประมาณ 60-70% และลดความรุนแรงของโรคได้ถึง 90%
  • แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว ควรป้องกันตัวเองจากยุงลายด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น ใช้ยากันยุง นอนในมุ้ง กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
  • ควรสังเกตอาการผิดปกติหลังฉีดวัคซีน และรีบพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง
  • วัคซีนต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม ดังนั้นควรฉีดที่สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

วัคซีนไข้เลือดออกเป็นทางเลือกหนึ่งในการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตอนนี้หลายคนน่าจะหมดข้อสงสัยแล้วว่าวัคซีนไข้เลือดออกฉีดกี่เข็ม เพราะคำตอบคือต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันครั้งละ 6 เดือน โดยการตัดสินใจฉีดวัคซีนควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงอายุ ประวัติการติดเชื้อ และคำแนะนำจากแพทย์ อย่างไรก็ตาม การป้องกันตนเองจากยุงลายด้วยวิธีอื่น ๆ ยังคงมีความสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้เลือดออกอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


Posted

in

by

Tags: