Category: Link

  • เคล็ดลับการใช้งานรถขุดตักอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    รถขุดตักเป็นเครื่องจักรกลหนักที่มีประโยชน์อย่างมากในอุตสาหกรรมก่อสร้าง การเกษตร และการทำเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเครื่องจักรกลหนักอื่น ๆ การใช้งานรถขุดตักที่ไม่เหมาะสมหรือประมาทเลินเล่อ อาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้ใช้งาน บุคคลอื่น ๆ และทรัพย์สิน ได้เช่นเดียวกัน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด บล็อกนี้จะแนะนำเคล็ดลับสำคัญในการใช้งานรถขุดตัก

    1. ศึกษาวิธีการใช้งานอย่างละเอียด

    ก่อนใช้งานรถขุดตักทุกครั้ง ควรศึกษาวิธีการใช้งานอย่างละเอียด รวมถึงการควบคุมต่าง ๆ ฟังก์ชันการทำงาน และข้อควรระวัง โดยผู้ใช้งานควรอ่านคู่มือการใช้งานอย่างถี่ถ้วน และฝึกฝนการใช้งานในพื้นที่ปลอดภัยจนมั่นใจ

    1. ตรวจสอบสภาพเครื่องก่อนใช้งาน

    ก่อนเริ่มทำงานควรตรวจสอบสภาพเครื่องอย่างละเอียด เช่น ระดับน้ำมัน แรงดันลมยาง สภาพของสายไฮดรอลิก และระบบเบรก หากพบสิ่งผิดปกติใด ๆ ควรหยุดใช้งานและแจ้งช่างซ่อมเพื่อแก้ไข ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

    1. สวมใส่ชุดป้องกันทุกครั้ง

    ผู้ใช้งานรถขุดตักควรสวมใส่ชุดป้องกันที่เหมาะสม เช่น หมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย ถุงมือ รองเท้าบู๊ต และเสื้อผ้าที่รัดกุม เพื่อป้องกันอันตรายจากเศษวัสดุ ประกายไฟ และเสียงดัง

    1. ทำงานในพื้นที่ปลอดภัย

    ควรเลือกพื้นที่ทำงานที่กว้างขวาง เรียบ และมั่นคง หลีกเลี่ยงการทำงานบนพื้นที่ลาดชัน ขรุขระ หรือใกล้กับสิ่งกีดขวาง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผู้คนหรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

    1. ขับขี่อย่างระมัดระวัง

    ขับขี่รถขุดตักด้วยความเร็วที่เหมาะสม ควบคุมเครื่องจักรอย่างนิ่มนวล หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือเบรกกะทันหัน ใช้สัญญาณเตือนเมื่อจำเป็น และสังเกตการณ์รอบข้างอย่างระมัดระวัง

    1. ยกและเคลื่อนย้ายวัสดุอย่างถูกวิธี

    ยกและเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินพิกัด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัสดุถูกยึดเกาะอย่างมั่นคงบนถัง และยกของสูงเพียงพอที่จะเคลื่อนย้ายโดยไม่กระทบสิ่งกีดขวาง

    1. ดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ

    ทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันไฮดรอลิก และไส้กรองตามกำหนด ตรวจสอบระบบเบรก ระบบไฟ และระบบไฮดรอลิกเป็นประจำ แจ้งช่างซ่อมเมื่อพบสิ่งผิดปกติ

    1. ปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัย

    ปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถขุดตัก เช่น สวมใส่ชุดป้องกัน ทำงานในพื้นที่ปลอดภัย และยกของอย่างถูกวิธี

    1. เข้ารับการอบรมเป็นประจำ

    เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการใช้งานรถขุดตักเป็นประจำ เพื่อทบทวนความรู้ ฝึกฝนทักษะ และเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ

    1. รู้ขีดจำกัดของตัวเอง

    อย่าพยายามยกของหนักเกินพิกัด ทำงานในพื้นที่ที่อันตราย หรือทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถ หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษผู้เชี่ยวชาญหรือหยุดทำงาน

    การปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานรถขุดตักทำงานได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะความประมาท

  • ประเภทการคุ้มครองที่ประกันภัยรถยนต์ครอบคลุม เมื่อผู้ขับขี่ต้องการปรับแต่งกรมธรรม์

    ในปัจจุบันมีประกันภัยรถยนต์หลายประเภทให้เลือกเพื่อให้เหมาะกับความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ใช้รถใช้ถนน ซึ่งประเภทความคุ้มครองเหล่านี้สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่และบริษัทประกันจะตกลงกัน

    1.ความคุ้มครองที่ครอบคลุม

    ความคุ้มครองที่ครอบคลุมครอบคลุมความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณที่ไม่ได้เกิดจากการชน เช่น การโจรกรรม การทุบทำลาย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการชนสัตว์ที่ไม่มีคู่กรณี

    2.การช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน

    ความคุ้มครองความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนจะให้บริการต่างๆ เช่น การลากจูง การซ่อมแซมยางแบน การจั๊มสตาร์ท และการจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อคุณติดอยู่บนถนน

    3.ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล

    เช่นเดียวกับ PIP ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับคุณและผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

    4.Gap Insurance

    หากคุณมีสินเชื่อรถยนต์หรือสัญญาเช่า Gap Insurance จะครอบคลุมส่วนต่างระหว่างมูลค่าเงินสดที่แท้จริงของรถของคุณกับยอดคงเหลือของสินเชื่อหรือสัญญาเช่าของคุณ ในกรณีที่รถของคุณถูกประกาศว่าขาดทุนทั้งหมด

    5.การคุ้มครองการบาดเจ็บส่วนบุคคล (PIP)

    หรือที่เรียกว่าการประกันภัย “ไม่มีความผิด” PIP จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าแรงที่สูญเสียสำหรับคุณและผู้โดยสาร โดยไม่คำนึงถึงความผิดในอุบัติเหตุ

    6.ประกันภัยรถยนต์คลาสสิก

    ออกแบบมาสำหรับรถโบราณหรือรถคลาสสิก การประกันภัยประเภทนี้คำนึงถึงมูลค่าและความต้องการเฉพาะของยานพาหนะเหล่านี้

    7.ความคุ้มครองชิ้นส่วนและอุปกรณ์สั่งทำพิเศษ

    หากคุณได้เพิ่มชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สั่งทำพิเศษให้กับรถของคุณ ความคุ้มครองนี้ช่วยให้แน่ใจว่าการดัดแปลงเหล่านั้นจะได้รับการคุ้มครองในกรณีที่เกิดความเสียหายหรือการโจรกรรม

    การพิจารณาความต้องการเฉพาะ งบประมาณ และข้อกำหนดทางกฎหมายในพื้นที่ของคุณอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเลือกประเภทและระดับความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับคุณ การปรับแต่งกรมธรรม์ของคุณสามารถช่วยให้คุณสร้างสมดุลระหว่างการป้องกันที่เพียงพอและความสามารถในการจ่ายได้

    mrkumka เราเป็นบริษัทเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินแห่งใหม่ โดยมีเป้าหมาย ให้ทุกคนเข้าถึงง่าย สะดวก และโปร่งใส เพราะเราเข้าใจ และทำให้การประกันภัย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินง่ายขึ้น เพื่อให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตตามชื่อของเราและมอบ ‘ความคุ้มค่า’ ให้กับลูกค้า

  • แจกวิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือน พร้อมตัวช่วยการออมเงิน

    วิธีเก็บเงิน มนุษย์เงินเดือน

    ในปัจจุบัน วิธีเก็บเงินของมนุษย์เงินเดือนถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะในยามที่เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ เงินเก็บในส่วนนี้จะเป็นเงินสำรองให้คุณในวันที่สภาพการเงินขัดข้อง แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า วิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ 12,000 บาท จะเก็บเงินได้จริงเหรอ? เนื่องจากค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็มีต้องจัดการ อีกทั้งเงินเดือนที่มีอยู่จำกัดนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บเงินเป็นก้อนใหญ่ แต่ความจริงแล้ววิธีการออมเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะมีเงินเดือนเท่าไหร่ก็ตาม

    แอปเก็บเงินเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะทำให้การเก็บเงินเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังหาวิธีเก็บเงินสไตล์มนุษย์เงินเดือนอย่างเราเป็นอย่างมาก เราสามารถแบ่งเงินออมได้เป็นกระเป๋าย่อย แถมยังมีฟังก์ชันจดบันทึกอื่น ๆ ให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการออมเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนกันได้เลย! 


    1. ตั้งเป้าหมายในการเก็บเงิน

    หากคุณอยากทราบวิธีเก็บเงินของมนุษย์เงินเดือน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี วิธีแรกที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองนั่นก็คือ การตั้งเป้าหมายในการออมเงินในแต่ละเดือน ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนเท่าไหร่ก็สามารถใช้วิธีการออมเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนวิธีนี้ได้ โดยเป้าหมายเริ่มแรกมีดังนี้

    • การตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อมีเงินสำรอง

    เราไม่มีทางรู้อนาคตข้างหน้าว่าเราจะมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่เราไม่คาดคิดหรือไม่ ซึ่งวิธีเตรียมตัวเก็บเงิน เพื่อเตรียมเงินสำรองเอาไว้เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต

    การตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อสำรองค่าใช้จ่าย ควรออมเงินเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยประมาณค่าใช้จ่ายรายเดือน x 12 เช่น ค่าใช้จ่ายทุกเดือนอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท เงินสำรองที่ควรมี 1 ปี จะเท่ากับ 120,000 บาท 

    วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีเงินสำรองเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสาเหตุที่ต้องเป็นเงินเก็บ 1 ปี นั้นมาจากการคาดการณ์สำหรับผู้ที่ตกงาน คนส่วนใหญ่จะหางานใหม่ได้ภายในเวลา 6-12 เดือน ทำให้วิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนแบบนี้ช่วยให้การดำเนินชีวิตระหว่างไม่มีรายได้

    • การตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อให้รางวัลตัวเอง

    วิธีเก็บเงินของมนุษย์เงินเดือนด้วยเป้าหมายต่อมาคือ การเก็บเงินเพื่อให้รางวัลตัวเอง เป้าหมายนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการหาความสุข เพราะหากทุกคนตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินสำรองเพียงอย่างเดียว โดยไม่นำเงินไปใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวเลยอาจทำให้เกิดความเครียดจนเกินไป ซึ่งทางที่ดีคือคุณควรมีความยืดหยุ่นในการเก็บออม เพื่อให้รางวัลชีวิตตัวเองในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานบ้าง

    โดยวิธีการออมเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนเพื่อวางแผนใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากการกำหนดราคาของที่เราอยากได้ และทำตารางการออมเงินในแต่ละวันว่าเราต้องการเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่ในระยะเวลากี่เดือน เมื่อเวลาผ่านไปตามระยะเวลาที่เรากำหนด เงินที่เราออมทุกวันก็จะเพียงพอที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

    2. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย

    วิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นส่วนสำคัญในเรื่องการเงิน ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือผู้ที่กำลังทำธุรกิจ การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้คุณใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาดมากขึ้น เพราะทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของพฤติกรรมในการใช้จ่ายของตัวเอง และถือเป็นที่ช่วยย้ำเตือนกับตัวเองว่า เราหมดค่าใช้จ่ายไปกับเรื่องไหนมากเกินความจำเป็นหรือเปล่า ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ควรปรับลด เราก็จะสามารถแก้ปัญหาการใช้เงินได้อย่างตรงจุดมากขึ้นในอนาคต

    3. กำหนดเงินที่จะใช้รายวัน

    การกำหนดเงินที่จะใช้รายวัน เป็นวิธีการเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนที่ส่งผลดีต่อพฤติกรรมในการใช้จ่ายของเราได้เป็นอย่างดี เพราะวิธีนี้เราได้เคยทำสมัยที่เราเป็นเด็กที่จะได้เงินใช้ในแต่ละวัน ซึ่งเราต้องทำการจัดสรรเงินในส่วนนี้เองว่าจะนำไปใช้จ่ายกับอะไรได้บ้าง โดยการที่เรากำหนดค่าใช้จ่ายในแต่ละวันของตัวเองที่สามารถใช้ได้นั้น จะเป็นการสร้างนิสัยให้เรารู้จักการชั่งน้ำหนักก่อนการตัดสินใจ และเป็นการจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่าย วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถควบคุมรายจ่ายในแต่ละวันของเราได้ดียิ่งขึ้น

    4. เริ่มต้นวางแผนการเก็บเงิน

    การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มต้นศึกษาเรื่องวิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนที่ทุกคนควรหมั่นฝึกให้เป็นนิสัย เพราะจะทำให้เราไม่เป็นหนี้สิน ช่วยให้มีเงินสำรอง และสามารถลงทุนต่อยอดในอนาคตได้ ซึ่งการเริ่มต้นวางแผนเก็บเงินนี้จะส่งผลให้คุณมีเงินเก็บหลังเกษียณอีกด้วย

    การเก็บเงินเพื่อชีวิตหลังเกษียณ ถือเป็นวิธีการเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนที่ควรวางแผนตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน เพราะหลังเกษียณเราไม่สามารถหารายได้เหมือนเดิม โดยเป้าหมายการออมเราอาจจะเริ่มต้นด้วยการเก็บออมเงินทีละน้อยแล้วค่อยขยับเป้าหมายให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น ด้วยการแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนเพื่อแบ่งค่าใช้จ่ายให้เราสามารถจัดการเงินในแต่ละส่วนที่แบ่งไว้ง่ายยิ่งขึ้น

    5. ลงทุนต่อยอดเพื่ออนาคต

    วิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนในระยะยาวที่เห็นผลนั่นก็คือ การเก็บเงินเพื่อการลงทุนเพื่อต่อยอด เป็นวิธีการออมเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต โดยคุณสามารถตั้งเป้าหมายการออมเพื่อลงทุนเพื่อต่อยอดในอนาคตได้ตั้งแต่วัยทำงาน ซึ่งเราแนะนำให้คุณออมเงิน 1,000 บาท เป็นประจำทุกเดือน และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในแหล่งอื่น ๆ ต่อไป

    สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนควรศึกษารายละเอียดการลงทุนให้ดีเสียก่อน เพราะการลงทุนนั้นมาคู่กับความเสี่ยงและมีโอกาสขาดทุน เราแนะนำให้คุณเลือกลงทุนในรูปแบบที่ความเสี่ยงต่ำ อย่างการฝากเงินไว้ในบัญชีของแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 1.5% ต่อปี เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการออมเงินเป็นอย่างมาก


    แนะนำแอปเก็บเงิน สไตล์มนุษย์เงินเดือน

    แอปออมเงินมนุษย์เงินเดือน

    “MAKE by KBank”

    แอปพลิเคชัน MAKE by KBank เป็นตัวช่วยสำคัญของคนยุคใหม่ที่จะช่วยแบ่งเงินเก็บของคุณออกเป็นสัดส่วนได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าต้องการจะเก็บเงินไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเก็บเงินไว้ให้รางวัลกับตัวเองก็สามารถแบ่งเงินออกเป็นกระเป๋าย่อย รวมถึงยังสามารถบันทึกรายรับรายจ่ายได้ง่าย ๆ พร้อมทั้งบันทึกการทำธุรกรรมต่าง ๆ ให้กับคุณได้ในแอปเดียว โดยแอป MAKE by KBank ยังมีฟีเจอร์มากมายที่จะช่วยให้วิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนของคุณง่ายดายยิ่งขึ้นอย่าง Cloud Pocket และ Expense Summary ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

    • Cloud Pocket

    Cloud Pocket เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสามารถแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ว่าเงินเหล่านั้นนำไปใช้ หรือเก็บออมสำหรับอะไรบ้างนั่นเอง ซึ่งเมื่อมีรายรับเข้ามาแล้ว คุณก็สามารถแบ่งเงินเก็บไว้ตามกระเป๋าที่สร้างได้โดยไม่จำกัดจำนวน เช่น ค่าเช่าห้อง, ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร หรือค่าอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงกระเป๋าสำหรับลงทุน ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต เป็นต้น 

    นอกจากนี้ เพียงแค่คุณเปิด Shared Cloud ก็สามารถเก็บเงินร่วมกับคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย แถมยังโปร่งใส สมาชิกทุกคนจะสามารถเห็นทุกยอดค่าใช้จ่ายที่ถูกโอนเข้าหรือออกจากกระเป๋าเรียกได้ว่าสะดวกสบายและทันสมัยเป็นอย่างมาก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของมนุษย์เงินเดือนที่ใฝ่ฝันจะมีเงินเก็บก้อนใหญ่อย่างมาก อีกทั้ง Cloud Pocket เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์น้องใหม่ให้คุณออมเงินอย่างสนุก เพียงแค่ตั้งชื่อ Cloud Pocket ว่า “แผ่นออมเงิน” หรือใส่อีโมจิ ”” แทนการตั้งชื่อ แล้วตั้งล็อก Cloud Pocket ก็จะพบกับน้องเมค ผู้ช่วยบริหารเงินสุดอัจฉริยะ ที่พร้อมออกแบบตารางออมเงิน ช่วยให้คุณวางแผนเก็บเงินรายวันง่ายๆ  

    • Expense Summary

    Expense Summary เป็นฟีเจอร์ที่จะคอยสรุปค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของคุณว่า หมดไปกับหมวดหมู่สินค้าประเภทใดบ้าง ทั้งหมวดอาหาร, ช็อปปิง, ความบันเทิง, การเดินทาง และอื่น ๆ อีกมากมาย ให้คุณได้เห็นภาพรวมในการใช้จ่ายของคุณว่ามีพฤติกรรมการใช้เงินอย่างไร ใช้จ่ายไปมากน้อยแค่ไหน และใช้จ่ายเกินกว่าของเขตที่กำหนดหรือไม่ เพื่ออนาคตคุณจะได้ปรับการใช้จ่ายให้สมดุลขึ้น เท่านี้เป้าหมายที่ทุกคนที่อยากได้วิธีเก็บเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนก็สามารถเป็นจริงได้แล้ว


    สรุปวิธีเก็บเงินสไตล์มนุษย์เงินเดือน

    หากใครที่ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับการเงินของตัวเอง อยากมีเงินเก็บสักก้อนแต่ยังไม่ถึงเป้าเสียทีสามารถนำเอาวิธีการออมเงินฉบับมนุษย์เงินเดือนที่กล้าวไปข้างต้นไปใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน มีเงินเดือนเท่าไหร่ก็สามารถนำไปปรับใช้ ยิ่งเด็กยุคใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยทำงาน สามารถเก็บเงินได้โดยไม่ต้องรอ 

    สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเงินแต่ไม่มีเวลามาสรุปรายรับ-รายจ่ายในแต่ละวัน แอปเก็บเงิน MAKE by KBank เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะทำให้การเก็บเงินของคุณสะดวกสบายมากขึ้น เพราะแอปพลิเคชันนี้จะทำให้เราสามารถจัดระเบียบค่าใช้จ่ายให้เป็นสัดส่วน และทราบพฤติกรรมในการใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยในการเก็บเงินที่เหมาะสำหรับคนยุคใหม่เป็นอย่างมาก


  • 10 เคล็ดลับซื้อแหวนเพชรอย่างไรไม่ให้ถูกหลอกจาก Ananta

    เพชร อัญมณีล้ำค่าที่มีความสวยงามที่สุด และมีมูลค่าสูง ยิ่งนำมาทำอัญมณีเครื่องประดับตกแต่งยิ่งทำให้ของสิ่งนั้นมีมูลค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหวนเพชร เครื่องประดับยอดนิยมที่หลายๆ คนชื่นชอบและ หลงไหลในความสวยงาม และถ้ามีโอกาสอยากมีไว้ครอบครองด้วยเช่นกัน

    ปัจจุบันแหวนเพชรมีรูปแบบการดีไซน์ และราคาที่หลากหลายตามน้ำหนัก, สี, ความบริสุทธิ์, รูปแบบการเจียระไน และยิ่งเป็นเพชรที่หายากยิ่งมีมูลค่าสูง จึงทำให้มีแหวนเพชรปลอม หรือเพชรเทียมวางจำหน่ายจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อทดแทนเพชรแท้ที่มีราคาสูงเกินกำลังซื้อของลูกค้านั่นเอง แล้วถ้าอยากได้แหวนเพชรแท้สักวงต้องดูอย่างไรจึงจะไม่ถูกหลอก เรามี 10 เคล็บลับในการเลือกซื้อเพชรอย่างไรไม่ให้ถูกหลอก

    1.ตรวจสอบใบรับรองคุณภาพของเพชร (Certificate)

    เป็นเทคนิคแรกที่ต้องดูคือ เพื่อให้แน่ใจว่าแหวนเพชรที่เราจะซื้อนั้นเป็นเพชรแท้หรือไม่ โดยการขอดูใบรับรองคุณภาพของเพชร หรือใบเซอร์ (Certificate) ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดที่บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของตัวเพชร, สีของเพชร, น้ำหนัก และการเจียระไน ซึ่งถ้าเป็นเพชรแท้จะระบุ Natural Diamond ลงในใบเซอร์ นอกจากนี้ภายในเพชรจะมีเลขที่ถูกเลเซอร์สลักไว้ และจะต้องตรงกับตัวเลขที่ระบุไว้ในใบเซอร์อีกด้วย

    2.สังเกตวัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนแหวนเพชร

    เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จำเป็นต้องรู้ไว้! เพชรแท้จะต้องอยู่บนเรือนแหวนที่ผลิตจากทองคำ, ทองคำขาว หรือแพลทินัมเท่านั้น หากไม่ใช่วัสดุเหล่านี้ให้สันนิษฐานว่าแหวนเพชรนั้นปลอมแน่นอน ซึ่งถ้าตัวเรือนแหวนเป็นทองคำภายในขอบแหวนจะสลักอักษร 10K, 14K หรือ 18K หากสลักด้วย PT ตัวเรือนแหวนทำจากแพลทินัม แต่ถ้าเจอตัวเรือนแหวนที่สลักด้วย C.Z. แสดงว่าแหวนเพชรนั้นเป็นของปลอม

    3.ใช้เครื่องมือตรวจเพชรในการตรวจสอบ

    เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำมากที่สุด! จะต้องใช้เครื่องมือในการตรวจสอบแหวนเพชร ซึ่งปัจจุบันร้านขายเพชรส่วนใหญ่จะมีเครื่องมือนี้ติดตั้งไว้ที่ร้านเพื่อความมั่นใจทั้งคนซื้อ และผู้ขาย โดยเครื่องมือนี้จะตรวจสอบเพชรโดยดูค่าการนำความร้อน และค่าดัชนีความหักเหของเพชรซึ่งให้ผลที่แม่นยำ อย่างไรก็ตามเครื่องมือนี้จะสามารถตรวจได้เฉพาะเพชรแท้กับเพชรเทียมเท่านั้น แต่ไม่สามารถตรวจสอบเพชรแท้กับเพชรสังเคราะห์ได้

    4.ตรวจสอบโดยใช้แสงยูวี (UV) หรือแสงแดด

    เป็นวิธีตรวจสอบแหวนเพชรแท้ที่คลาสสิก ง่าย ๆ ไม่ยาก ใช้หลักการเดียวกับการตรวจธนบัตรแท้เพื่อส่องดูลายน้ำนั่นเอง โดยวิธีการนี้จะนำแหวนเพชรยกขึ้นมาวางเพื่อโดนแสงยูวี หรือแสงแดด ถ้าเป็นแหวนเพชรแท้จะเรืองแสงสีฟ้าออกมา แต่ถ้าเป็นแหวนเพชรเทียมจะมีสีอื่น ๆ ปะปนมานั่นเอง

    5.ตรวจสอบน้ำหนักของเพชร

    การตรวจดูน้ำหนักของเพชรแท้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้รู้ว่าเพชรนั้นแท้หรือไม่ ซึ่งเพชรปลอมมักจะมีน้ำหนักที่มากกว่าเพชรแท้ประมาณครึ่งเท่า เช่น ถ้าเพชรมีขนาดหน้าตัด 10 มิลลิเมตร น้ำหนักเพชรจะอยู่ที่ประมาณ 1 กะรัต แต่ถ้ามีน้ำหนักมากกว่านั้นให้สงสัยได้เลยว่าเพชรนั้นเป็นของปลอมแน่นอน

    6.สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า

    การดูเพชรแท้สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า โดยนำเพชรมาคว่ำหน้าลงบนกระดาษที่มีตัวอักษร ถ้าเป็นเพชรแท้จะไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรได้เลย เพราะเพชรแท้มีการหักเหแบบเดี่ยว แต่เพชรปลอมมีการหักเหแบบคู่ทำให้สามารถมองเห็นตัวอักษรได้

    7.ลมหายใจสามารถทดสอบเพชรแท้-เพชรปลอมได

    เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เบสิกมาก ง่าย ๆ ไม่ยาก เพียงแค่หายใจใส่ที่เพชรที่ต้องการทดสอบ ถ้าเป็นเพชรแท้จะไม่เกิดฝ้า หรือมีไอน้ำเกาะที่ตัวเพชรเลย หรือถ้ามีจะหายไปเองอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นเพชรปลอม หรือเพชรสังเคราะห์เมื่อหายใจใส่จะมีไอน้ำ หรือฝ้าเกาะที่ตัวเพชรประมาณ 2-3 นาที

    8.ใช้กล้องส่องพระตรวจสอบเพชรแท้ได้

    หากคุณเป็นนักเล่นพระอยู่แล้ว หรือมีกล้องส่องพระอยู่ในมือ นั่นคืออุปกรณ์ตรวจสอบชั้นดี เพราะสามารถทำให้มองเห็นรายละเอียดของเพชรได้อย่างชัดเจน โดยถ้าเป็นเพชรแท้จะมีเหลี่ยมที่ชัดเจน ดูคม ไม่มีร่องรอยขีดข่วน แต่ถ้าเป็นเพชรปลอมจะไม่มีความคม และมีรอยต่าง ๆ ได้ง่าย และการเจียระไนเพชรจะดูแตกต่างได้อย่างชัดเจน

    9.เพชรแท้จะจมน้ำทันที!

    การใช้น้ำ เป็นวิธีทดสอบเพชรแท้เพชรเทียมได้เป็นอย่างดี โดยดูที่ความถ่วงจำเพาะ ซึ่งหากคุณต้องการทดสอบเพชรเพียงแค่นำเพชรไปใส่ในน้ำ ถ้าเป็นเพชรแท้จะจมน้ำทันที ไม่ลอยน้ำ แต่ถ้าเป็นเพชรปลอม หรือเพชรสังเคราะห์จะลอยน้ำได้อย่างชัดเจน เพราะเพชรปลอมทำจากพลาสติกจึงลอยน้ำนั่นเอง

    10.การสะท้อนแสง และการหักเหของแสงเป็นวิธีทดสอบชั้นดี

    สำหรับเทคนิคทดสอบแหวนเพชรแท้สุดท้ายนี้ให้ดูที่การกระจายแสงของเพชร ถ้าเป็นเพชรแท้จะมีการกระจายแสงที่สูงมาก และจะสะท้อนแสงสีเทาปนสีรุ้งออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน และสามารถมองเห็นการหักเหของแสงได้แม้จะอยู่ในที่มืด

    ถ้าหากสนใจซื้อแหวนเพชรสามารถดูได้ที่นี่ https://anantajewelry.com/jewelry/all-categories/rings.html และทั้งหมดนี้คือ 10 เทคนิคการดูแหวนเพชรแท้ และแหวนเพชรเทียม ซึ่งแต่ละเทคนิคเป็นวิธีพื้นฐานที่สามารถทดสอบได้ด้วยตัวเอง ไม่ยุ่งยาก และสามารถช่วยให้คุณสามารถแยกแหวนเพชรแท้ แหวนเพชรเทียมได้ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตามเพื่อความแม่นยำแบบ 100 % จะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และเลือกซื้อแหวนเพชรจากร้านที่มีชื่อเสียง และมีความน่าเชื่อถือทั้งนี้เพื่อให้คุณได้แหวนเพชรแท้น้ำดี สวยงามตรงตามความต้องการ และที่สำคัญไม่โดนหลอกขายแหวนเพชรปลอมให้เจ็บใจนั่นเอง

  • ประโยชน์ของเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก พร้อมข้อควรรู้ก่อนใช้งาน

    เครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เครื่องเจเนอเรเตอร์”  กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับทั้งบ้าน ร้านค้า ธุรกิจ และหน่วยงานต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน ด้วยขนาดที่กะทัดรัด พกพาสะดวก ใช้งานง่าย และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ทุกที่ทุกเวลา จึงทำให้เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในยามฉุกเฉิน หรือเมื่อต้องการไฟฟ้าในสถานที่ที่ขาดแคลน

    ประโยชน์ของเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก

    • ไฟฟ้าสำรองกรณีฉุกเฉิน – เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กเปรียบเสมือนแหล่งพลังงานสำรองที่ช่วยให้คุณมีไฟฟ้าใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ เหมาะสำหรับบ้าน ร้านค้า ธุรกิจ หรือสถานที่ที่ต้องการความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เช่น โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน ตู้ ATM
    • การใช้งานกลางแจ้ง – เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กเหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง เช่น งานก่อสร้าง   งานซ่อมบำรุง งานปิกนิก งานตั้งแคมป์ หรือกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ ที่ไม่มีไฟฟ้าประปา
    • ใช้สำหรับกิจกรรมยามว่าง – เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับกิจกรรมยามว่างได้ เช่น การดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าดับ
    • ใช้กับเครื่องมือช่างไฟฟ้า – เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กบางรุ่นสามารถจ่ายไฟ AC ได้ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานเครื่องมือช่างไฟฟ้า เช่น สว่าน เลื่อยวงกลม เครื่องเจียร
    • แหล่งพลังงานสำรองสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กสามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น พัดลม โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือตู้เย็น ในกรณีฉุกเฉินได้

    ข้อควรรู้ก่อนใช้งานเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก

    • เลือกขนาดเครื่องปั่นไฟให้เหมาะสม – ควรเลือกขนาดเครื่องปั่นไฟให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งาน คำนวณกำลังไฟฟ้าที่ต้องการใช้รวม เผื่อเหลือไว้บ้าง และเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีกำลังไฟเพียงพอ
    • เลือกประเภทเครื่องปั่นไฟให้เหมาะสม – เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กมี 2 ประเภทหลัก คือ เครื่องปั่นไฟแบบดีเซลและเครื่องปั่นไฟแบบเบนซิน โดยเครื่องปั่นไฟแบบดีเซลจะมีเสียงดัง แต่ประหยัดน้ำมัน   เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก ในขณะที่เครื่องปั่นไฟแบบเบนซินมีเสียงเงียบ แต่ใช้น้ำมันเปลือง   เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
    • ใช้งานเครื่องปั่นไฟในที่โล่ง – ห้ามใช้งานเครื่องปั่นไฟในที่ปิด เพราะอาจเกิดอันตรายจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
    • ต่อสายไฟให้ถูกต้อง – ควรต่อสายไฟจากเครื่องปั่นไฟเข้ากับปลั๊กไฟหรือตู้ควบคุมไฟฟ้าเท่านั้น ห้ามต่อสายไฟโดยตรง
    • ดูแลรักษาเครื่องปั่นไฟอย่างสม่ำเสมอ – ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กสภาพเครื่องปั่นไฟ   และทำความสะอาดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งาน

    จะเห็นได้ว่า เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและมีประโยชน์ เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ แต่ควรเลือกขนาด ประเภท และวิธีใช้งานเครื่องปั่นไฟให้ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

  • ปลูกผม FUE ทางเลือกใหม่แก้ผมบาง ผมร่วง แบบไร้รอยแผลเป็น

    ปลูกผม FUE ที่ไหนดี

    ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือศีรษะล้าน อาจทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจได้ เพราะบางครั้งเส้นผมที่สลวยเงางามก็สามารถเสริมสร้างบุคลิกที่ดีด้วยเช่นกัน แม้การปลูกผมจำเป็นต้องโกนผมและเจ็บตัวเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กับวิธีปลูกผม FUE 

    ปลูกผม FUE เป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้มีผมเส้นเล็ก ผมบาง กลับมาดูหนาสุขภาพดีได้โดยที่เจ็บน้อยที่สุด และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นให้ช้ำใจเล่น ๆ ซึ่งจะมีกรรมวิธีอย่างไรบ้าง เราสามารถดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้านล่างนี้เลย!


    ปลูกผม FUE คืออะไร มีวิธีการอย่างไร?

    การปลูกผม FUE คืออะไร? วิธีศัลยกรรมปลูกผม FUE หรือ Follicular Unit Extraction เป็นการปลูกผมถาวร ด้วยการย้ายเซลล์รากผมไปปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ เช่น บริเวณที่ผมบาง หรือผมร่วง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดชิ้นหนังศีรษะ ส่งผลให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ไม่มีรอยแผลเย็บ ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นและทำให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ตรงบริเวณที่ปลูกผมไม่หลุดร่วงง่าย

    การปลูกผม FUE มีกระบวนการรักษาด้วยการใช้เครื่องมือไฟฟ้าขนาดเล็ก Motorized FUE Devices ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6-1.0 มม. เจาะเอากอผมบริเวณที่มีรากผมแข็งแรงและสมบูรณ์อย่างท้ายทอย หลังจากนั้นค่อยนำกอผมที่ได้มาปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการทีละกออย่างละเอียดประณีต เพื่อให้เซลล์รากผมที่จะเกิดใหม่มีความแข็งแรง ยึดติดกับเนื้อเยื่อที่หนังหัวและดูเป็นธรรมชาติ


    ข้อดีของการปลูกผม FUE ดีอย่างไร

    ข้อดีของการปลูกผม FUE มีอะไรบ้าง? นอกจากเรื่องของแผลผ่าตัดที่เล็กมากแล้ว การปลูกผมด้วยวิธี FUE ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถพิจารณาได้ ดังนี้

    • ผมที่งอกใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย
    • ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แผลหายไว
    • ทิศทางผมงอกใหม่ดูมีความเป็นธรรมชาติ
    • หลังผ่าตัดปลูกผมไม่เจ็บหนังศีรษะ เลือดออกน้อย
    • แก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบางที่ถูกส่งต่อจากกรรมพันธุ์
    • สามารถออกแบบทิศทางการปลูกผมให้เหมาะสมกับผู้รับบริการแต่ละท่าน
    • สามารถใช้ชีวิตได้ปกติหลังการปลูกผม FUE ไม่ต้องพักฟื้น

    ปลูกผม FUE VS ปลูกผม DHI แตกต่างกันอย่างไร?

    ปลูกผม FUE รีวิว

    การปลูกผม FUE ต่างกับ DHI อย่างไร? แม้การปลูกผมทั้ง 2 แบบจะสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางได้ แต่จะใช้วิธีคนละส่วนกัน โดยการปลูกผมแบบ FUE เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะบนหนังศีรษะในบริเวณที่ต้องการ เพื่อนำกอผมจากบริเวณอื่นที่มีเซลล์รากผมแข็งแรงออกมาปลูกถ่ายด้วยการใช้คีมปลายแหลม (Forceps) ในขณะที่การปลูกผมแบบ DHI (Direct Hair Implantation) จะใช้เฉพาะเครื่องปลูกผมกลับด้วยปากกาปลูกผม (Implanter) เข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ต้องการปลูกถ่ายเท่านั้น


    แนะนำคลินิกปลูกผม FUE Dr.Tarinee Hair Clinic ปลูกผมสวย มั่นใจโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

    ปลูกผม FUE ราคา

    ปลูกผม FUE ที่ไหนดี? การเลือกคลินิกปลูกผม FUE นั้น ควรเลือกคลินิกที่แพทย์มีประสบการณ์การปลูกถ่ายรากผม เนื่องจากการดึงเซลล์รากผมมาปลูกถ่ายจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคและความประณีต หากกระบวนการทำไม่ละเอียดมากพอ อาจทำให้เซลล์รากผมที่ถูกนำมาใช้งานเกิดความเสียหายและไม่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้ ที่สำคัญคือ คลินิกต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ

    ซึ่ง Dr.Tarinee Hair Clinic คลินิกปลูกผม FUE ที่ให้บริการปลูกผมด้วยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง มีประสบการณ์การผ่าตัดปลูกถ่ายผมกว่า 15 ปี สามารถออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับผู้รับบริการแต่ละท่าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เสริมความมั่นใจให้กับผู้รับบริการได้ ด้วยเครื่องมือที่ใช้มีความสะอาดและได้มาตรฐาน แพทย์ลงมือให้บริการด้วยตนเองทุกขั้นตอน


    สรุปการปลูกผม FUE ไร้แผล ได้ผมแข็งแรง

    การปลูกผม FUE เป็นวิธีการปลูกผมแบบถาวรที่ได้ผมใหม่ แผลผ่าตัดเล็กและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น อีกทั้งไม่จำเป็นต้องโกนหรือตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วงที่ไม่ต้องการพักฟื้นหลังผ่าตัดนาน หรือผู้ที่มีเวลาน้อย เพราะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังปลูกถ่ายรากผม

    ซึ่งวิธีปลูกผม FUE ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากผมที่เกิดใหม่มีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับบุคลิกของแต่ละบุคคลได้ดี หากคุณกำลังวางแผนที่จะปลูกผม FUE ต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถปรึกษาได้จากเว็บไซต์ของ Dr.Tarinee Hair Clinic เพื่อที่จะได้รับข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกผมที่เหมาะสมให้แก่ผู้รับบริการ


  • ฟีเจอร์เด็ดของนาฬิกาออกกำลังกายยุคใหม่

    เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นาฬิกาออกกำลังกายมีฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยมากขึ้น ช่วยให้นักกีฬาและผู้รักสุขภาพสามารถติดตามข้อมูลการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำ วิเคราะห์การฝึกซ้อม และบรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับฟีเจอร์เด็ดของนาฬิกาออกกำลังกายยุคใหม่ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

    1. ติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์

    นาฬิกาออกกำลังกายยุคใหม่ มาพร้อมเซนเซอร์ ที่สามารถติดตามข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์ เช่น

    • อัตราการเต้นของหัวใจ: ช่วยให้นักกีฬาควบคุมความเข้มข้นในการออกกำลังกาย อยู่ในระดับที่เหมาะสม
    • ความดันโลหิต: ช่วยติดตามความดันโลหิต ป้องกันความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
    • ระดับออกซิเจนในเลือด: ช่วยให้นักกีฬาประเมินประสิทธิภาพการหายใจ
    • อุณหภูมิร่างกาย: ช่วยติดตามอุณหภูมิร่างกาย ป้องกันภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติ
    • คุณภาพการนอนหลับ: ช่วยวิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับ ปรับปรุงการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพ

    2. วัดค่า VO2max

    VO2max คือ ปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ต่อนาที เป็นตัวชี้วัดสมรรถภาพทางหัวใจและปอด นาฬิกาออกกำลังกายบางรุ่น สามารถวัดค่า VO2max ช่วยให้นักกีฬาประเมินสมรรถภาพ วางแผนการฝึกซ้อม และติดตามความคืบหน้า

    3. GPS ติดตามเส้นทางการวิ่ง/ปั่นจักรยาน

    นาฬิกาออกกำลังกายมักมาพร้อมGPS ติดตามเส้นทางการวิ่ง/ปั่นจักรยาน วัดระยะทาง ความเร็ว เพซ และแสดงแผนที่ ช่วยให้นักกีฬาติดตามผลลัพธ์ วางแผนเส้นทาง และวิเคราะห์ประสิทธิภาพการฝึกซ้อม

    4. โปรแกรมการฝึกซ้อม

    ฟีเจอร์ในรูปแบบโปรแกรมการฝึกซ้อม สำหรับกีฬาประเภทต่าง ๆ ช่วยให้นักกีฬาฝึกซ้อมอย่างมีระบบ พัฒนาประสิทธิภาพ และป้องกันการบาดเจ็บ

    5. ฟีเจอร์สำหรับกีฬาเฉพาะ

    • นาฬิกาสำหรับนักวิ่ง: วัดระยะทาง ความเร็ว เพซ รอบขา และวิเคราะห์ประสิทธิภาพการวิ่ง
    • นาฬิกาสำหรับนักปั่นจักรยาน: วัดระยะทาง ความเร็ว รอบขา ความชัน และวิเคราะห์ประสิทธิภาพการปั่น
    • นาฬิกาสำหรับนักว่ายน้ำ: วัดระยะทาง เวลา ความเร็ว รอบว่าย และวิเคราะห์ประสิทธิภาพการว่าย

    6. การแจ้งเตือนเคลื่อนไหว

    หากคุณนั่งทำงานหรือทำกิจกรรมอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน นาฬิกาบางรุ่นจะมีการแจ้งเตือนเพื่อเตือนให้คุณลุกขึ้นเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการนั่งนานเกินไปซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ

    7. ติดต่อสมาร์ตโฟนได้

    นาฬิกาออกกำลังกายสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่านบลูทูธ ทำให้คุณสามารถรับสายโทรศัพท์ แชท ดูข้อความหรือการแจ้งเตือน

    8. ฟีเจอร์เพิ่มเติม

    • การแจ้งเตือนจากสมาร์ตโฟน : รับสาย อ่านข้อความ ควบคุมเพลง โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ตโฟน
    • ชำระเงินแบบไร้สัมผัส : ชำระเงินผ่านระบบ NFC
    • ฟังเพลง : โหลดเพลงลงนาฬิกา ฟังเพลงโดยไม่ต้องพกสมาร์ตโฟน
    • แผนที่: แสดงแผนที่ ช่วยให้นักกีฬาไม่หลงทาง

    นาฬิกาออกกำลังกายในยุคนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องบอกเวลาธรรมดา ๆ อีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่มีฟีเจอร์เด็ดมากมายเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกายและติดตามสุขภาพได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้นอีกด้วย

  • เวลาดูกราฟหุ้นแบบ Real Time ต้องดูอะไรบ้าง ?

    การดูกราฟหุ้นแบบ Real Time (ราคาแท้จริงในเวลาปัจจุบัน) นั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากกราฟราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาจะสะท้อนปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นในขณะนั้น ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องสังเกตการณ์และวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด

    สิ่งที่ต้องสังเกตเมื่อดูกราฟหุ้นแบบ Real Time มีอะไรบ้าง ?

    1. ปริมาณการซื้อขาย 

    สิ่งแรกที่ควรดูก็คือ ปริมาณการซื้อขาย สังเกตว่ามีการซื้อขายหนาแน่นหรือไม่ในขณะที่ราคาเปลี่ยนแปลง ปริมาณการซื้อขายสูงมักบ่งชี้ถึงกำลังซื้อขายที่แข็งแกร่งของนักลงทุน

    2. การเคลื่อนไหวของราคา

    อีกหนึ่งสำคัญที่ควรดูเมื่อดูกราฟหุ้นแบบ Real Time ก็คือการเคลื่อนไหวของราคา ว่าราคาเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวฉับพลัน บ่งชี้ถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาจากข่าวสำคัญหรือการเก็งกำไร

    3. เส้นแนวรับแนวต้าน

    การดูเส้นแนวรับแนวต้าน จะช่วยให้สังเกตว่าราคาที่เคลื่อนไหวมานั้นพบเส้นต้านที่จะหยุดการปรับตัวขึ้นหรือไม่ และหากราคาร่วงลงมาจะพบเส้นรับหรือไม่ ซึ่งจะบอกแนวโน้มราคาว่าจะมีการปรับตัวต่อหรืออาจฟื้นตัวกลับมา

    4. ความผันผวนของราคา 

    อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องดูเมื่อดูกราฟหุ้นก็คือความผันผวนของราคานั่นเอง โดยราคาหุ้นบางตัวมีความผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ นักลงทุนต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวที่ผันผวนมาก

    นอกจากนี้ยังต้องติดตามข่าวสาร เหตุการณ์สำคัญ รวมถึงข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อช่วยประกอบการวิเคราะห์ด้วย

    ดูกราฟหุ้นแบบ Real Time ได้ที่ไหน ?

    ในปัจจุบัน นักลงทุนสามารถดูกราฟหุ้นแบบ Real Time ได้จากหลายแหล่ง เช่น

    • เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์และโบรกเกอร์ชั้นนำ  
    • แอปพลิเคชันจากธนาคาร/บริษัทหลักทรัพย์ 
    • แพลตฟอร์มการเทรดในตลาดหุ้น
    • สถานีโทรทัศน์ที่รายงานข่าวหุ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น บลูมเบิร์ก ซีเอ็นบีซี เป็นต้น

    สิ่งที่นักลงทุนควรระวังในการเล่นหุ้นคือ

    1. อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ แต่ควรวิเคราะห์จากข้อมูลที่เชื่อถือได้

    2. กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหุ้นหลากหลายประเภท 

    3. กำหนดจุดรับกำไรและตัดขาดทุนที่เหมาะสมก่อนลงทุน

    4. ศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง

    5. หมั่นติดตามข่าวสารและกราฟหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

    การมีวินัยและดูกราฟหุ้นแบบ Real Time อย่างจริงจังจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจบริบททางการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น วิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตลอดจนตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้การลงทุนในตลาดหุ้นประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย

  • รู้จักแบรนด์นาฬิกาหรู ตัวช่วยอัปเกรดภาพลักษณ์ !

    ‘นาฬิกา’ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือบอกเวลา แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกถึงรสนิยม สไตล์ และภาพลักษณ์ของผู้สวมใส่ โดยเฉพาะแบรนด์นาฬิกาหรูที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และรสนิยมอันล้ำเลิศ การสวมใส่แบรนด์นาฬิกาหรู จึงช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี น่าเชื่อถือ และมีระดับ

    แบรนด์นาฬิกาหรูช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ได้อย่างไร ?

    • สื่อถึงรสนิยมและความใส่ใจ นาฬิกาหรูเปรียบเสมือนงานศิลปะที่ผ่านการออกแบบอย่างประณีต บ่งบอกถึงรสนิยมและความใส่ใจในรายละเอียดของผู้สวมใส่
    • แสดงถึงความสำเร็จและสถานะทางสังคม เนื่องจากแบรนด์นาฬิกาหรูบางแบรนด์มีราคาสูงและหายาก การครอบครองนาฬิกาเหล่านี้จึงสามารถสื่อได้ถึงความสำเร็จและสถานะทางสังคมของ
    • เพิ่มความมั่นใจ การสวมใส่นาฬิกาหรูช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้สวมใส่ ทำให้รู้สึกภูมิฐาน
    • สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นาฬิกาหรูบางรุ่นสามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นมรดกตกทอดที่มีคุณค่าทางความทรงจำ
    • การลงทุนที่คุ้มค่า แบรนด์นาฬิกาหรู หลายต่อหลายแบรนด์ มีคุณภาพสูง ประณีตพิถีพิถัน คงทน ใช้งานได้ยาวนาน บางรุ่นยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

    ปัจจัยในการพิจารณาเลือกแบรนด์นาฬิกาหรู

    • กำหนดงบประมาณ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณา คืองบประมาณ โดยนาฬิกาหรูมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน จึงควรกำหนดวงเงินที่สามารถจ่ายได้ก่อน
    • เลือกสไตล์ที่ชอบ นาฬิกาหรูมีดีไซน์ที่หลากหลาย เลือกสไตล์ที่คุณชอบ เช่น คลาสสิก สปอร์ต หรูหรา
    • เลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการ เนื่องจากนาฬิกาหรูบางรุ่นมีฟังก์ชั่นพิเศษเพิ่มเติม เช่น จับเวลา ดำน้ำ เข็มทิศ  พิจารณาว่าฟังก์ชั่นใดที่จำเป็น
    • ลองสวมใส่ก่อนซื้อ ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรลองสวมใส่นาฬิกาก่อน เพื่อดูว่ารู้สึกสบายและเหมาะกับตัวเองหรือไม่
    • เลือกร้านที่เชื่อถือได้ หากไม่ได้ซื้อจากแบรนด์โดยตรง ก็ควรพิจารณาซื้อนาฬิกาจากร้านที่เชื่อถือได้ มีใบรับประกัน และบริการหลังการขายที่ดี
    • ศึกษาข้อมูล ก่อนซื้อ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์นาฬิกา รุ่น และราคา เปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ
    • เลือกนาฬิกาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ เช่น หากชอบเล่นกีฬา ควรเลือกนาฬิกาที่มีความทนทาน กันน้ำ กันกระแทก  แต่หากชอบแต่งตัว ก็ควรเลือกนาฬิกาที่มีดีไซน์สวยงาม

    แนะนำแบรนด์นาฬิกาหรู

    • Rolex แบรนด์นาฬิกาอันดับต้นของโลก ขึ้นชื่อเรื่องความคงทน ดีไซน์คลาสสิก และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
    • Patek Philippe แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อเรื่องงานฝีมือที่ประณีตพิถีพิถัน ดีไซน์ที่หรูหรา และมูลค่าที่สูง
    • Audemars Piguet แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์ที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีที่ทันสมัย และมูลค่าที่สูง
    • Omega แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์ที่เรียบหรู เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมูลค่าที่สูง
    • Cartier แบรนด์นาฬิกาจากฝรั่งเศส ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์ที่หรูหรา ทันสมัย และมูลค่าที่สูง

    แบรนด์นาฬิกาหรู เปรียบเสมือนเครื่องประดับที่บ่งบอกถึงรสนิยม สไตล์ และภาพลักษณ์ของผู้สวมใส่ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ สื่อถึงความสำเร็จ สะท้อนรสนิยม และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า การเลือกสวมใส่แบรนด์นาฬิกาหรูที่ตรงกับสไตล์ของคุณ จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของคุณให้ดูดี น่าเชื่อถือ และมีระดับ

  • ระบบ KM คืออะไร ? องค์กรแบบไหนที่ควรใช้ระบบ KM

    A person sitting at a desk with a computer

Description automatically generated

    ในอดีตที่ผ่านมา การจัดการเอกสารและความรู้ขององค์กรส่วนใหญ่ยังคงใช้วิธีการแบบดั้งเดิม อาทิ การจัดเก็บเอกสารในรูปแบบกระดาษ การแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านการประชุมหรือการสอนงาน ซึ่งวิธีการเหล่านี้มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น

    1. การสูญหายของเอกสาร เนื่องจากการจัดเก็บที่ไม่เป็นระบบ

    2. ความล่าช้าในการค้นหาและเข้าถึงข้อมูล ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน

    3. การสูญเสียความรู้และประสบการณ์ของบุคลากร เมื่อมีการโยกย้ายหรือเกษียณอายุ

    4. ความยากลำบากในการแบ่งปันความรู้ข้ามสายงานหรือแผนกต่างๆ

    เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ระบบการจัดการความรู้ หรือระบบ KM (Knowledge Management System) จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในองค์กรสมัยใหม่

    ระบบ KM คืออะไร

    ระบบ KM เป็นกระบวนการจัดการความรู้ที่มีคุณค่าขององค์กรอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การระบุ สร้าง จัดเก็บ แบ่งปัน และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ โดยอาศัยองค์ประกอบหลักทั้งบุคลากร เทคโนโลยี และกระบวนการที่เหมาะสม เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความรู้ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่

    ข้อดีของการใช้ระบบ KM

    1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันความรู้ได้อย่างรวดเร็ว ลดการซ้ำซ้อนของงาน

    2. ลดการสูญเสียความรู้ เนื่องจากมีการจัดเก็บความรู้อย่างเป็นระบบ ทำให้ความรู้ยังคงอยู่กับองค์กรแม้บุคลากรจะลาออกหรือเกษียณ

    3. ส่งเสริมการใช้และสร้างสรรค์นวัตกรรม การนำความรู้มาผสมผสานสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

    4. บูรณาการข้อมูลและความรู้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ช่วยให้การจัดการความรู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    แนวทางการใช้ระบบ KM ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    1. สร้างวัฒนธรรมการแบ่งปันความรู้ โดยกระตุ้นและสนับสนุนให้บุคลากรเห็นความสำคัญของการแลกเปลี่ยนความรู้

    2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านเทคโนโลยีและกระบวนการ ให้สามารถรองรับการจัดการความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3. ผสานการจัดการความรู้เข้ากับกิจกรรมปกติ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร

    4. วัดและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงและพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเล็ก ภาครัฐหรือเอกชน ควรนำระบบการจัดการความรู้ (KM) มาประยุกต์ใช้ เนื่องจากความรู้ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญขององค์กร การบริหารจัดการความรู้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม มีบางประเภทขององค์กรที่ควรให้ความสำคัญกับระบบ KM เป็นพิเศษ ดังนี้

    1. องค์กรที่มีบุคลากรเป็นจำนวนมาก 
    2. องค์กรที่มีอายุการดำเนินงานยาวนาน
    3. องค์กรที่มีหน่วยงานกระจายตามสาขาหรือสถานที่ต่างๆ 
    4. องค์กรที่ต้องการสร้างนวัตกรรม 
    5. สถาบันการศึกษา บริษัทที่ปรึกษา และสำนักงานกฎหมาย 

    การนำระบบ KM มาใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สร้างนวัตกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร